| Home |
เหตุการณ์ที่แฟนมวยทั่วโลกคาดไม่ถึงเกิดขึ้นกลางเวทีมวยลุมพินีในการแข่งขัน ONE Fight Night 38 เมื่อ เอ็งค์-ออร์กิล บาร์ทาคู นักสู้จากมองโกเลียสามารถล้มแชมป์โลกจอมโหดอย่าง ฟาบริซิโอ อานดราเด ได้สำเร็จ หลังจากโชว์จังหวะการเข้าทำแบบมีระบบ เดินกดดันตั้งแต่ต้นไฟต์ ทำให้แชมป์เก่าเริ่มเสียจังหวะ ก่อนที่เอ็งค์-ออร์กิลจะฉวยโอกาสปิดเกมด้วยซับมิชชันสุดเฉียบในยกที่ 4 เป็นการยึดบัลลังก์แบนตัมเวตที่หลายคนยกให้เป็น “อัปเซตแห่งปี” ทันที ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ชื่อของเขาถูกพูดถึงในฐานะนักสู้ที่กำลังพุ่งแรงที่สุดใน ONE Championship และยังส่งสัญญาณว่าศึกแบนตัมเวตกำลังกลับมาเดือดอีกครั้งในปี 2025
ความมันไม่ได้จบเพียงคู่เอก เพราะ “เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” ก็สร้างโมเมนต์สุดเร้าใจ เมื่อเธอออกอาวุธเร็วจัดจนคู่ชกจากโปแลนด์โดนหมัดหนักจัง ๆ และร่วงตั้งแต่ยกแรก กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของค่ำคืน ขณะเดียวกัน “ดิโอโก เรอิส” ก็โชว์ทักษะการปล้ำระดับโลกคว้าแชมป์ Submission Grappling ส่วน “อาลีฟ ส.เดชะพันธ์” เดินหน้าออกหมัดเต็มกำลังชนะคะแนนอย่างสวยงามทุกยก ทั้งหมดนี้ทำให้ ONE Fight Night 38 ถูกยกย่องว่าเป็น “การ์ดคุณภาพแบบดูคุ้มทุกวินาที” และสะท้อนว่ามวยไทย–MMA ของไทยกำลังก้าวสู่ยุคทองอีกครั้งบนเวทีระดับโลก
ทันทีหลังคว้าเข็มขัด แฟนมวยก็เริ่มตั้งคำถามว่า “คู่ป้องกันแชมป์ครั้งแรก” ของเอ็งค์-ออร์กิลควรเป็นใคร ซึ่งมีชื่อผู้ท้าชิงระดับสูงหลายคน ทั้งดาวรุ่งที่กำลังมาแรง รวมถึงอดีตผู้ท้าชิงที่อยากล้างตากับเขา ONE Championship เองก็กำลังวางแผนสร้างยอดผู้ชมจากไฟต์นี้ เพราะรุ่นแบนตัมเวตตอนนี้เต็มไปด้วยตัวอันตรายที่พร้อมสร้างซูเปอร์ไฟต์ได้ทุกเมื่อ การขึ้นบัลลังก์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่เป็นการเปลี่ยนภาพรวมของรุ่นให้กลับมาคึกคักที่สุดแห่งปี 2025 และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เอ็งค์-ออร์กิลกลายเป็นตัวท็อปของโลกในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า
ชัยชนะของเอ็งค์-ออร์กิลสะท้อนว่าความสำเร็จเริ่มต้นจากการ “ปลูกพื้นฐาน” ที่แข็งแรง ไม่ต่างจากโลกของเกษตรกรรมและการพัฒนาสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะอย่างถูกวิธี โลกของนักสู้และโลกของเมล็ดพันธุ์มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ยิ่งใส่ใจมาก ผลยิ่งออกมาดี หากพี่สนใจคอนเทนต์เกี่ยวกับเมล็ดพืช เมล็ดกัญชา หรือการพัฒนาสายพันธุ์แบบเชิงลึก ลิงก์ด้านล่างนี้คือแหล่งข้อมูลคุณภาพสำหรับต่อยอดความรู้ของพี่